svasdssvasds

วิเคราะห์ รถยนต์ในอนาคตจะแข่งกันที่อะไร ? ถ้า EV เจ้าไหน ๆ ก็แรงพอ ๆ กัน

วิเคราะห์ รถยนต์ในอนาคตจะแข่งกันที่อะไร ? ถ้า EV เจ้าไหน ๆ ก็แรงพอ ๆ กัน

วิเคราะห์ในวันที่ยานยนต์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทสำคัญ รถยนต์ในอนาคตจะแข่งกันที่อะไร ? ถ้า EV เจ้าไหน ๆ ก็แรงพอ ๆ กัน

จากยอดจองรถยนต์ในงาน Motor Expo 2023 ทำให้เราเห็นภาพที่ค่อย ๆ ชัดขึ้นว่า รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น เพราะเจ้าตลาดอย่าง Toyota กลับถูก BYD หายใจรถต้นคอ ยอดจองห่างกันแค่หลักสิบคัน ในวันที่ 4 ของการจัดงาน

กำลังโหลด เปิดยอดจอง 4 วัน Motor Expo 2023 รถยนต์ไฟฟ้าจีนผงาด ติดโผ 10 อันดับแรก

SPRiNG Tech ชวนทุกคนมองภาพไปถึงอนาคตว่าหากวันหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้า เริ่มเป็นที่แพร่หลาย ค่ายรถ จะแข่งกันที่อะไรในอนาคต ? เพราะหากสังเกตุเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละคันสเปคก็เริ่มวิ่งได้ไกลใกล้เคียงกันและมีระบบช่วยขับขี่คล้าย ๆ กัน

ในอนาคตรถยนต์จะแข่งกันที่ฟีเจอร์และระบบต่าง ๆ ที่มากับตัวรถที่สร้างความแตกต่างเพราะในอนาคตรถยนต์จะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไฟฟ้าต้องมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และหนักอยู่ในรถจึงไม่สามารถดัดแปลงแชสซี (Chassis) ช่วงล่างของรถยนต์สันดาปได้ 100% ทำให้ค่ายรถยนต์ต้องออกแบบช่วงล่างใหม่ซึ่งใช้เงินมหาศาล

วิเคราะห์ รถยนต์ในอนาคตจะแข่งกันที่อะไร ? ถ้า EV เจ้าไหน ๆ ก็แรงพอ ๆ กัน

ดังนั้นค่ายรถจึงพยายามลดต้นทุนโดยการยอมร่วมมือกับค่ายอื่น ๆ เพื่ออกแบบช่วงล่าง แชสซี (Chassis) ใหม่ เพื่อให้แบตเตอรี่เป็นส่วนหนึ่งของรถตั้งแต่ต้นและมีสมรรถนะดีเยี่ยมไปพร้อมกับการประหยัดพลังงาน หรือปัจจุบันจะเรียกกันว่า "แพลตฟอร์ม"

ที่ผ่านมาเราเคยเห็นรถยนต์สันดาปที่ใช้ช่วงล่างเดียวกันแต่ข้ามยี่ห้ออย่าง Volkswagen Touareg และ Porsche Cayenne หรือ Toyota GR86 และ Subaru BRZ ที่ใช้ช่วงล่างเดียวกัน แถมอะไหล่ช่วงล่างแทบจะใช้แทนกันได้ในหลาย ๆ ตัว

Porsche Cayenne vs. VW Touareg | ภาพ autoscout24

เพราะการร่วมกันพัฒนาหรือซื้อช่วงล่างคนอื่นมาทำต่อมันถูกกว่า

ราคาเฉลี่ยสำหรับการพัฒนารถยนต์โมเดลใหม่เริ่มต้นที่ 37,000 ล้านบาท (1,000 ล้านดอลลาร์) และอาจสูงถึง 2 แสนล้านบาท ดังนั้นหากค่ายรถสามารถซื้อหรือลงขันกันพัฒนาบางส่วน เช่น ช่วงล่าง แชสซี (Chassis) ร่วมกันก็จะสามารถลดต้นทุนทั้งเงินและเวลาที่จะเสียไปได้

ปัจจุบันในรถยนต์ไฟฟ้า เราเห็นหลาย ๆ ค่ายร่วมมือกัน เช่น SAIC Group เจ้าของแบรนด์ MC ร่วมมือกับ Audi ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม SAIC NEBULA TECHNOLOGY ที่ใช้ใน MG4 , HYUNDAI จับมือกับ KIA , Renault-Nissan Motor-Mitsubishi Motors และ Volkswagen กับ Ford ที่จะใช้แพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้า MEB

วิเคราะห์ รถยนต์ในอนาคตจะแข่งกันที่อะไร ? ถ้า EV เจ้าไหน ๆ ก็แรงพอ ๆ กัน

เราจะได้อะไร ? ถ้าค่ายรถยนต์ร่วมมือกัน ?

ในอนาคตถ้าหากหลาย ๆ ค่ายร่วมมือกัน คือ เราจะได้ช่วงล่างที่ดีเหมือนกัน และเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน เช่น ระบบช่วยขับขี่ที่เคยอยู่ในรถยนต์รุ่นใหญ่ ๆ มาพร้อมกับรถ

ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่รถยนต์ค่ายต่าง ๆ หลังจากร่วมมือกันพัฒนาช่วงล่าง ที่เรียกกันว่า "แพลตฟอร์ม" สำเร็จ คือเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามา ดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว และการลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ (AERODYNAMICS) ที่จะดึงดูให้คนมาซื้อรถยนต์ของค่ายตัวเอง

งานนี้ต้องแอบแง้มไว้นิดนึงว่า ที่จีนสเปครถยนต์ไฟฟ้าเริ่มใกล้กันแล้ว เขาก็เริ่มแข่งความสวยงามและโฉบเฉี่ยวกันแล้ว เช่น ค่ายไหนไฟหน้าสวยกว่ากัน เป็นต้น

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

related